Information System
Raw Data เป็นข้อมูลดิบซึ่งยังไม่สามารถสื่อความหมายได้ด้วยตนเอง
Information คือการนำข้อมูลดิบมาผ่านกระบวนการต่างๆ(Process)เพื่อให้สามารถสื่อความหมายและนำไปใช้
ระบบสารสนเทศ คือ ระบบที่ให้ได้มาซึ่งข้อมูล(Data) แล้วจึงนำข้อมูลมา Process เพื่อเปลี่ยนให้เป็น Information ซึ่งมีประโยชน์ แล้วค่อยนำไปเก็บ หรือนำไปใช้ต่อในการดำเนินธุรกิจจนเกิดเป็น Knowledge ซึ่งอาจนำไปสู่การได้มาซึ่งข้อมูลดิบอันใหม่และนำกลับมาผ่าน Process อีกครั้ง วนเวียนเป็นวัฏจักรดังกล่าว
ตัวอย่าง Business Process and Information System
Sales Department Generate order > submit order
Accounting Department Check credit > approve credit > generate invoice
Manufacture Department Assemble product > ship product
จะเห็นได้ว่าในการดำเนินงานจริงทั้งสามหน่วยงานจะต้องอาศัยข้อมูลของแต่ละหน่วยงานและต้องมีการถ่ายโอนข้อมูลกัน หากมีระบบสารสนเทศเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงานทั้งสาม จะทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น เช่นระบบ ERP ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลทั้งองค์กรเข้าด้วยกัน
อย่างไรก็ตามในหลายองค์กรยังขาดการเชื่อมโยงสารสนเทศระหว่างหน่วยงาน เหตุที่ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าว อาจเกิดจากต้นทุนในการสร้างระบบเชื่อมโยงที่สูง และ Organization Structure ที่เป็นลักษณะแนวตั้ง กล่าวคือส่วนงานต่างๆมักมีลักษณะเป็นแนวตั้ง และมีระบบสารสนเทศภายในหน่วยงานดังนั้นจึงอาจเกิดความรู้สึกว่าข้อมูลของส่วนงานตนควรเป็นความลับภายในหน่วยงานเท่านั้น แต่ระบบงานสารสนเทศเป็นในลักษณะแนวนอนซึ่ง เชื่อมโยงส่วนงานต่างๆเข้าด้วยกัน โครงสร้างขององค์กรจึงเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งในการเชื่อมโยงระบบข้อมูลสารสนเทศของหน่วยงานให้เป็นหนึ่งเดียวด้วย
ประเภทของ Business Information System
Transaction Processing System
· เป็นระบบที่ช่วย Provide ข้อมูลพื้นฐาน เพื่อบันทึกความเป็นไปต่างๆในองค์กร เช่น ยอดขายในแต่ละวัน
· พบในทุกองค์กร จัดเป็นระบบพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ระบบบัญชี
· จัดเป็นระบบที่มีความสำคัญที่สุดในองค์กร ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดขึ้นในระบบนี้ จะทำให้ได้รับ Dataที่ผิดพลาด และเมื่อนำไปประมวลผลและใช้งานต่อจะสร้างความเสียหายได้ (GIGO-Garbage In Garbage Out) ดังนั้นต้องมีการวางระบบการควบคุมและมาตรการป้องกันให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
Management Information system -MIS (Reporting Information System)
· สำหรับผู้บริหารระดับกลาง ไม่จำเป็นสำหรับพนักงานทั่วไป
· มี feature ในการสร้างรายงานเปรียบเทียบผลการดำเนินงานในรูปแบบต่างๆเพื่อใช้ในการปรับเปลี่ยน กำหนด กลยุทธ์ แต่ไม่ได้สร้าง feature ไว้มากเกินไป เช่น การเปรียบเทียบยอดขายของแต่ละสาขา
· เป็นสาขาวิชาในการสร้างระบบสารสนเทศในธุรกิจ
*BI- Business Intelligence คือการนำเอาข้อมูลจาก Data Warehouse มาใช้ประมวลผล
DSS (Decision support systems )
· เหมาะสำหรับผู้บริหารระดับกลาง
· เป็น non routine decision
· ต่างจาก MIS ที่จะมีการดึงข้อมูลจากภายนอกมาประกอบการตัดสินใจ ขณะที่ MIS จะนำเพียงข้อมูลในองค์กรที่เกิดขึ้นในอดีตมาใช้เท่านั้น
· มี Analytical Models database
GDSS (Group Decision Support System)
· ลดความขัดแย้งระหว่างคนในองค์กร
ESS (Executive support systems)
· เป็นระบบที่ช่วย Support การตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง
· ต่อยอดมาจาก TPS MIS DSS โดยรวบรวมข้อมูลจากภายนอกด้วย
· ใช้เพื่อการกำหนดกลยุทธ์และทิศทางขององค์กร เช่น การลงทุน
Enterprise system
· SAP ORACLE
· รวบรวมข้อมูลมาจากส่วนงานต่างๆเพื่อเก็บไว้ในส่วนกลาง
Software as a service/Cloud Computing
· เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำกัดสถานที่
· เอาระบบเข้าไปไว้บน internet
· ต้นทุนต่ำ customize ตามความต้องการของบริษัทได้ทั้งด้านฟังก์ชั่นและเวลา
· แต่ไม่เหมาะกับข้อมูลที่ confidential เช่นข้อมูลทางการเงิน
Knowledge Management Systems
· เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในตัวบุคลากร มาเก็บไว้กับองค์กร
· ประโยชน์อย่างหนึ่งจากการทำ Knowledge Management เช่น ใช้สร้าง Best Practice เพื่อให้บริการเบื้องต้นแก่ลูกค้า
Knowledge สามารถแบ่งเป็นสองประเภท
· Explicit Knowledge ความรู้ชัดแจ้ง คือความรู้ที่สามารถถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน มักมีอยู่น้อย
· Tacit Knowledge ความรู้ที่มีอยู่ในตัวบุคคล ซึ่งถ่ายทอดกันได้ยาก เชื่อว่าความรู้ของคนส่วนใหญ่เป็นประเภทนี้
ระบบ Knowledge Management Systems จะพยายามเก็บ Explicit Knowledge ให้ได้มากที่สุด และพยายามดึง Tacit Knowledge มาไว้กับองค์กร เช่น NOK บริษัทผลิตฮาร์ดดิสก์ส่งออก มีระบบ Knowledge Management Systems ที่ให้ความรู้แก่พนักงาน
Intranet
· เครือข่ายภายในองค์กรมีไว้เพื่อติดต่อและส่งข้อมูลภายในองค์กร เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
Extranet
· เป็นเครือข่ายระหว่างองค์กร ซึ่งมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวกว่าการใช้ Internet
Collaboration and communication system
· เช่น e-mail instant messaging cell phones social networking wikis virtual worlds
· Web 2.0 คือ พวก Socail Media Content
· Pervasive Computing เทคโนโลยีอยู่รอบตัว
· Open source code software ใช้ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน เช่น Moxila
Hype Cycle Presentation
E –Paper
มีคุณสมบัติที่สามารถสะท้อนแสงได้เหมือนกระดาษปกติและอัพเดทข้อมูลได้เหมือนกับ computer ความแตกต่างจากจอมอนิเตอร์ คือ การใช้ black light ทุกพิกเซลทำให้ E-paper ไม่ปวดตา อ่านกลางแจ้งได้ เพราะสะท้อนแสงได้ อ่านได้จากหลายมุม บันทึกได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า น้ำหนักเอา ทนทาน โค้งงอได้
การทำงานของ E – Paper
เป็นเม็ดพลาสติกทรงกลมภายในมีประจุบวก ลบ ในการบันทึกข้อมูลจะใช้กระแสไฟฟ้าทำให้เกิดเป็นข้อมูล ภาพ ต่อมาพัฒนามาใช้ ไมโครแคปซูล สินค้าตัวแรกที่พัฒนาสำเร็จ นำมาใช้เป็นป้ายแสดงสินค้าซึ่งเปลี่ยนราคาได้เอง ใช้พลังงานจากถ่านไฟฉาย แต่ยังโค้งงอไม่ได้ ปัจจุบันพัฒนาให้สามารถแสดงสีได้
Tablet PC
แตกต่างจาก Laptop คือ น้ำหนักเบา ไม่ต้องพก key board และ mouse
ข้อเสีย คือ มีCPU ขนาดเล็กกว่า ดังนั้นจึงอาจไม่รองรับการใช้งานโปรแกรมขนาดใหญ่ และเหมาะสำหรับการใช้งานเพียงคนเดียวเพราะ Tablet PC จะจดจำลายมือของผู้ใช้ได้ ดังนั้นหากมีผู้ใช้มากกว่า 1 คนอาจเกิดความสับสนได้ นอกจากนี้ยังมีราคาสูงอีกด้วย
ธุรกิจที่นำ Tablet PC มาใช้ เช่น โรงพยาบาล ใช้ในการสั่งยา ธุรกิจประกันภัย ทำให้พนักงานซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุส่งข้อมูลมายังบริษัทได้ อุตสาหกรรมรถยนต์ และ การค้าหลักทรัพย์
Green IT
คือ แนวคิดในการเลือกเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น มีการผลิตคอมพิวเตอร์ประหยัดไฟ
ประโยชน์จาก Green IT
· สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างความแตกต่างในตัวสินค้าได้
· ช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย
· เกิดประสิทธิภาพในการใช้ IT
· ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
Comment and Recommend สัปดาห์นี้เนื้อหาค่อนข้างมีความสับสนในเรื่องหัวข้อ ยังไม่เข้าใจถึงสาระสำคัญของสัปดาห์นี้เท่าไรนัก อยากเสนอให้อาจารย์ใส่หัวเรื่องไว้ที่ Power Point จะทำให้เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ
No comments:
Post a Comment